How To ทำอย่างไรให้ Google ชอบเว็บไซต์ของเรา
แน่นอนละว่า สำหรับผู้ที่ทำธุรกิจ แล้วต้องใช้ช่องทางหรือเครื่องมือทางออนไลน์ อินเทอร์เน็ต ทำเว็บไซต์ เพื่อใช้เป็นฐานที่มั่นหรือหน้าร้านของตนเองนั้น ปัญหาใหญ่ที่พบกันบ่อยก็คือ แล้วเราจะทำอย่างไรให้เว็บไซต์ของเราขึ้นบทหน้าแรกๆของ Google
เท่านั้นยังไม่พอ การทำให้ติดอันดับ Google ในสมัยนี้แม้จะทำไม่ยาก เพราะมีกลยุทธ์ทั้งการทำ SEO หรือทำ Google Adwords ที่มีกันอยู่มากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำอันดับให้ติดอยู่สูงๆตลอดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เนื่องจากบางคำค้นหาหรือบาง Keywords มีการค้นหาสูง การแข่งขันสูงมาก ดังนั้นแม้ว่าจะติดอันดับในหน้าแรกได้เร็ว แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะอยู่ได้นานๆ หรืออาจจะไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายทางธุรกิจอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งปัญหาลักษณะนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับธุรกิจหรือร้านค้าออนไลน์ที่ทำผ่าน Facebook แล้วหลายร้านพบว่ายอดไลค์ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ยอดขายเสมอไป
ทางเว็บจึงอยากแนะนำ How To ในเบื้องต้นว่า แล้วจะต้องทำอย่างไร จึงจะทำให้การค้นหาของ Google ชอบเว็บไซต์ของเรา
1.Content ต้องตอบโจทย์ของลูกค้า
เป็นหนึ่งในการแก้ปัญหาที่ “ดีที่สุด” และจะช่วยให้เว็บไซต์ของเรายืนระยะได้นานที่สุดด้วยครับ นั่นคือการผลิต Content หรือเนื้อหาที่สามารถตอบโจทย์ของลูกค้าได้ หรือสามารถสร้างความน่าสนใจของลูกค้าที่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับธุรกิจและสินค้าบริหารของเจ้าของเว็บได้นั่นเอง
แต่ก็ไม่ได้แปลว่า เนื้อหาละเอียดยิบ เนื้อหายาวๆเข้มข้น จะการันตีเรื่องนี้เสมอไป เพราะกลายเป็นว่าไม่ได้สนองความต้องการเท่ากับเนื้อหาที่เขียนได้สั้น กระชับ แต่ตรงใจของคนที่เข้ามาค้นหาได้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเนื้อหาที่ ถูกต้อง และน่าเชื่อถืออีกด้วย เพราะเวลานี้กำลังมีเว็บไซต์และลิ้งก์ประเภท Click Bait ที่ล่อให้คนเข้ามากดคลิกกันมาก และถูกแชร์ไปบนช่องทางโซเชียลต่างๆ ทั้ง Facebook และ Line ซึ่งหากข้อมูลจงใจสร้างกระแสเกินไปมากๆเข้า ก็จะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของเว็บหรือลิ้งก์นั้นไปด้วย
2.เนื้อหาต้องสด ใหม่ เร็ว
เนื่องจากทาง Google จะมีการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมสำหรับการค้นหาอยู่ตลอด ซึ่งในช่วงหลังเรียกได้ว่าแทบจะสกัดเว็บที่มีเนื้อหาประเภท Copy & Paste และไม่มีคุณภาพได้มากขึ้นทุกขณะ ทำให้การแข่งขันด้านเนื้อหาของสื่อและสำนักข่าวออนไลน์ต่างๆเข้มข้นและฉับไวอย่างมาก (บางครั้งไวมากจนไม่ทันได้กรองข้อมูล) เนื่องจากโดยปกติเนื้อหาข่าวหรือเหตุการณ์ต่างๆมักจะใกล้เคียงกันอยู่แล้ว
ดังนั้นในกรณีนี้ จึงทำให้ฝั่งที่ลงเนื้อหาได้เร็ว และนำเสนอได้ละเอียดและมีพาดหัวข่าวและภาพประกอบที่น่าสนใจกว่า สามารถเรียกยอดวิวได้มากกว่าไปด้วย แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะสร้างคุณภาพของเนื้อหาให้น่าเชื่อถือเช่นกัน
3.ไม่ยึดติดกับ SEO มากเกินไป
เคยมีกรณีตัวอย่างเช่น ในปี 2011 เมื่อทาง Google ได้เปิดตัวอัลกอริธึม Panda ที่มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งเรื่องนี้ก็ส่งผลต่อการทำ SEO ไปด้วย เพราะหลายเว็บไซต์ที่เคยมีอันดับดีๆ ก็ได้ร่วงจากหน้าแรกไปมากขึ้นเพราะไม่ได้มีการอัพเดทเนื้อหาที่มากพอ ซึ่งทำให้เจ้าของธุรกิจหลายรายเสียโอกาสทางรายได้ไปไม่น้อย แล้วก็ส่งผลทำให้กลยุทธ์การทำ SEO ต้องเปลี่ยนแปลงไปมาก จากที่เคยมุ่งเน้นเรื่องการทำ Keywords มากๆในบทความ หรือพาดหัวข่าวเพื่อเรียกกระแส ก็ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเขียนไปด้วย
4.เพิ่มลิงก์ไปเว็บอื่นบ้าง
เนื่องจากสังคมอินเทอร์เน็ต ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง นี่เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่หลายเว็บไซต์นิยมใช้กัน โดยการหาพันธมิตร หรือหาเว็บที่มีเนื้อหาในทิศทางเดียวกันกับเว็บเรา แล้ววางลิงก์เพื่อนำไปสู่เว็บเหล่านั้น โดยมากมักจะนำเว็บที่มีชื่อเสียงมาลิ้งก์ไป เพื่อเป็นการกำหนดลักษณะของประเภทเว็บไซต์ว่า เราเองก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน และเว็บของเรา สามารถใช้ Keywords ที่ใกล้เคียงกันในการค้นหาจาก Google ไปด้วย
5.เว็บไซต์ควรต้อง Port บนมือถือด้วย
นี่เป็นปัจจัยสำคัญมาก เนื่องจากรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเราเปลี่ยนแปลงไป มือถือ Mobile กลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน และการค้นหาข้อมูลหรือเสพหาข่าวสารต่างๆ เริ่มใช้งานผ่านมือถือ และเครื่องมือต่างๆเช่นบน Android กันมากขึ้น ดังนั้นเว็บไซต์ของเราจึงควรออกแบบมาเพื่อ Port ลงมือถือหรือสามารถใช้อ่านในมือถือได้สะดวกด้วย
.
โดยสรุป
สาระสำคัญอันดับต้นๆ สุดท้ายแล้วคือการแข่งขันกันของ เนื้อหา หรือ Content ที่ต้องยึดอยู่บนความต้องการของลูกค้าและผู้ค้นหา ซึ่งเนื้อหาของเว็บเราก็ควรต้องตรงประเด็นและชัดเจนกับ Keywords ที่ผู้คนจะค้นหาอย่างตรงไปตรงมานั่นเอง
แล้วที่สำคัญคือ ต้องหมั่นอัพเดทอยู่เป็นระยะด้วยครับ
.